สงกรานต์ปีนี้ เรามีจุดหมายปลายทางอยู่ที่
อ่าวพังงา ทะเลภูเก็ต และอาบน้ำแร่ที่ระนอง
โดยเฉพาะ...อ่าวพังงา
ที่มีสิ่งเป็นอันซีนอยู่หลายอย่าง
เช่น ภาพเขียนสีโบราณบนหินผาอายุนับพันปี
เขาตะปู เขาพิงกัน ถ้ำลอด
และหมู่บ้านเกาะปันหยี หมู่บ้านกลางทะเลอายุว่า 200 ปี
ประวัติ
ติของหมู่บ้านเกาะปันหยี
เดิมชาวเกาะปันหยี มาจากอินโดนีเซีย มีเชื้อสายยะวา
ได้เดินทางโดยใช้เรือใบเป็นพาหนะ มากัน 3 ครอบครัว ครอบครัวละลำ
ก่อนออกเดินทางได้สัญญาว่า
เรือลำใดพบแหล่งทำมาหากินอันอุดมสมบูรณ์
เช่น มีกุ้ง หอย ปู ปลา ชุกชุม ก็ให้ส่งสัญญาณ
โดยการปักธงบนยอดเขาสูงๆ เพื่อจะได้รู้ว่าพบแหล่ง
ทำมาหากินที่อุดมสมบูรณ์แล้ว
เรือลำแรกที่พบเกาะแห่งนี้ มีผู้นำชื่อ โต๊ะบาบู
ได้ปีนขึ้นบนยอดเขาสูงและปักธงได้สำเร็จ
.
ทั้ง 3 ครอบครัวจึงตัดสินใจตั้งหลักแหล่งที่เกาะแห่งนี้
และตั้งชื่อว่า ปันหยี แปลว่า ธง
จากวันนั้นถึงวันนี้ หมู่บ้านเกาะปันหยีก็มีอายุกว่า 200 ปีเศษแล้ว
ชาวบ้านทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม
ตอนแรก จขบ.คิดว่าน่าจะเป็นชุมชนเล็กๆ
แต่เมื่อขึ้นไปบนเกาะจริงๆ จึงพบว่า ไม่เล็กเลย
มีทางเดินลดเลี้ยวเข้าไปหลายเส้นทาง มีบ้านเรือนตั้งกันอยู่อย่างหนาแน่น
มีโรงเรียน มีสถานีอนามัย แต่ไม่แน่ใจว่ามีสถานีตำรวจ กับธนาคารหรือเปล่านะ
เสน่ห์ของหมู่บ้านปันหยี คือ ที่นี่ไม่มีแผ่นดิน
บ้านเรือนทั้งหมดตั้งอยู่เหนือผืนน้ำ
ทางเดินในหมู่บ้านเป็นคอนกรีต มีบ้างบางส่วนเป็นไม้
อาชีพก็แน่นอนว่าทำประมง แล้วก็ขายของให้กับนักท่องเที่ยว
ของที่ขายเห็นคล้ายๆ กันเกือบทุกร้าน มีอยู่ 2 อย่างคือ
น้ำพริกกุ้งเสียบ กับพวกของทะเล และก็พวกเสื้อผ้า
นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ตอนที่ไปเห็นมีแต่กลุ่มเรา
กับนักท่องเที่ยวที่น่าจะเป็นคนในจังหวัดใกล้ๆ
อาจจะเป็นด้วยระยะทาง แต่ก็ไม่พลุกพล่านดี
คนในชุมชนหน้าตาแจ่มใส อากาศดี สุขภาพก็เลยดีตาม
เกาะปันหยี เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น
จากแคมเปญของธนาคารทหารไทย
“พลังในตัวคุณเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น”
นำเสนอเรื่องราวของเด็กๆ ที่อยากตั้งทีมฟุตบอล
แต่ติดก็ตรงที่ บนเกาะไม่มีแผ่นดินเลย
พวกเขาต้องใช้ สนามฟุตบอลลอยน้ำ เป็นที่ฝึกซ้อม
สนามฟุตบอลที่ไม่ได้เหนื่อยกับการเตะลูกฟุตบอล
แต่น่าจะเหนื่อยกับการเก็บลูกฟุตบอลลอยน้ำมากกว่า
เมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงความสวยงามทางธรรมชาติอีกมากมาย
ยิ่งเห็น ก็จะยิ่งหลงรัก
ยิ่งสัมผัส ก็จะยิ่งประทับใจ
ทะเลอันดามัน.... อย่าลืมแวะระนองก่อนน๊าค๊า รับรองมีแต่ของดีๆๆๆๆ
วรินดา คงจันทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น