วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรียงความวันพ่อ gentleman


 หากจะกล่าวถึงผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ไม่ใช่กัปตันอเมริกา หรือ ไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่แต่อ้อมแขนของเขาก็อบอุ่นเสมอ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนในฝันที่พร่ำเพ้อแต่ก็เป็นยอดมนุษย์ในดวงใจใครหลายๆคน ยามใดที่ทุกข์ท้อกำลังใจมากมายเขามีให้ ผู้ชายที่รักเราด้วยหัวใจ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ใคร เขาคือผู้ชายที่เราเรียกว่า “พ่อ”        


  ครอบครัวของฉันประกอบด้วย พ่อ แม่ พี่ชายหนึ่่งคนน้องสาวหนึ่่่งคนและฉัน เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวของฉันมีมาก จึงทำให้พ่อต้องทำงานอย่างหนัก พี่กำลังเข้ามหาลัยใหม่ จึงต้องใช้เงินมาก ในตอนแรกพ่อของฉันทำอาชีพเป็นชาวสวนยางแต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจทำให้เงินไม่พอที่จะเลี้ยงครอบครัว ในบ้านของฉันตอนนั้นเรียกได้ว่ากินข้าวกับน้ำตา พ่อจึงอดอาหารเพื่อให้ฉันและน้องและแม่ได้อิ่ม พ่อของฉันจึงตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพไปทำงานรับเหม่าก่อสร้างเพราะรายได้ที่จะได้รับมากกว่า พ่อของฉันต้องทำงานเสี่ยงหลายอย่างเพราะงานรับเหม่านี้ต้องทำทุกอย่างไม่ว่าจะขึ้นไปที่สูง ทำไฟ ฉันคิดว่าพ่อคงไม่อยากทำอาชีพนี้เท่าไรนัก พ่อฉันกล่าวว่า “พ่อรู้ว่างานนี้เป็นงานที่เสี่ยงต่อชีวิตแต่พ่อก็พร้อมที่จะทำเพื่อครอบครัวของพ่อ ขอให้เป็นอาชีพที่สุจริต คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าพ่อเลือกเกิดได้พ่อก็อยากมีฐานะการเงินที่ดี ลูกๆของพ่อจะได้สบายแต่พ่อก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกๆของพ่อสบายและมีความสุข” หลังจากนั้นครอบครัวของฉันมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พ่อจึงส่งฉันเข้าเรียนมอสี่ที่โรงเรียนวังไกลกังวลดิฉันดีใจมากๆที่เด็กบ้านนอกอย่างฉันได้มีโอกาศได้มาเรียนโรงเรียนของพระเจ้าอยู่หัว ถึงบ้านเราตอนนี้จะมีกินกว่าเมื่อก่อนแต่พ่อก็ยังทำงานทั้งกลางวันกลางคืนพ่อกลับไปตัดยางตอนกลางคืนฝนตกบ่อยทำให้รายได้ไม่ดีหนักแต่ก็พอมีใช้ พอฉันได้กลับบ้านพ่อมักจะสอนข้อคิดดีๆเสมอ โดยยกตัวอย่างความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับพ่อ ยกตัวอย่างเช่น พ่อสอนให้ฉันมองคนอย่างเท่าเทียมกันไม่เขาจะพิการ จน หรือ รวย แต่เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา “คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นในแบบที่เราต้องการได้ ชีวิตเราเราเป็นคนกำหนดเอง” ฉันยึดประโยคนี้เป็นคติประจำใจฉัน มันทำให้ฉันต้องปฏิบัติตนให้ดี ช่วงปิดเทมอที่ผ่านมาฉันได้ไปช่วยพ่อทำงานพิเศษคือล้างแมลงกระพรุนยอมรับว่ามันใหม่สำหรับฉัน ทั้งตากแดด คันจากยุงและลิ้นทะเล อีกทั้งสารเคมีในน้ำทีล้างแมลงกระพรุนมันเหนื่อยมากๆจิงๆ ได้เงินแค่ชั่วโมงละสามสิบบาท แต่พ่อกับไม่บ่นอะไรเลย พอถึงวันที่จ่ายเงินฉันได้เงินมาสามพันบาท ฉันดีใจมาก คิดว่าจะไปซื้อรองเท้าคอนเวิร์ดสักคู่ ฉันจึงบอกพ่อว่าจะนำเงินไปซื้อรองเท้า แต่พ่อก็สอนฉันว่า อย่าลืมว่าเราเคยมาจากจุดๆไหน เมื่อเรามีมากขึ้นเราต้องรู้จักการเก็บออม ยึดหลักที่พระเจ้าหัวหัวเคยสอนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่มีเงินมากเท่าไร่ก็จ่ายหมด และที่สำคัญที่สุดคือ “พอเพียง” ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยให้รู้ว่าควรจะปฏิบัติตนเช่นไร รู้จักประมาณตนและมีเหตุผล  ตอนฉันเด็กๆ พ่อมักจะเล่าพระราชกรณียกิจต่างๆที่พระองค์ท่านทำเพื่อประชาชนชาวไทย พ่อบอกว่าเราไม่มีอะไรจะตอบแทนพระองค์ท่านได้นอกจากประพฤติตนเป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ ฉันตระหนักในทุกสิ่งที่พ่อทั้งสองได้ทำเพื่อฉัน เพื่อปวงชนชาวไทย ดังนั้นฉันจะนำคำสอนที่พ่อของฉันทั้งสองคนได้สอนฉันไว้ไปปฏิบัติ เพราะคงไม่ใครหวังดีกับฉันเท่ากับบุคคลสองท่านนี้อีกแล้ว     
 เปรียบพ่อดั่งผู้ถือหางเสือนาวาชีวิตให้หันเหไปตามกระแสน้ำแห่งความเมตตา ดั่งหัวรถจักรนำขบวนผู้โดยสารที่ร่วมชีวิตไปตามเส้นทางศีลธรรมที่ถูกต้องสู่สถานีแห่งความสำเร็จอย่างปลอดภัยและสง่างาม จะมีใครเล่าที่คอยอุ้มชูเลี้ยงดูเราตั้งแต่เรายังเด็ก คอยป้อนอาหารป้อนน้ำ ทำงานหนักเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข คอยอยู่ข้างเรายามที่เราทุกข์หรือร้องไห้ ทำอย่างได้เพื่อเรา หยาดเหงื่อแรงกายของพ่อที่ทำเพื่อฉัน ฉันไม่สามารถหาอะไรตอบแทนคือพ่อได้ นอกจากตั้งใจเรียนหนังสือ ประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อของฉันมีความสุข ฉันจะทำให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าความการกระทำของฉันจะเป็นหนึ่งในล้านการกระทำทั้งหมดที่พ่อทำเพื่อฉันก็ตาม และคงไม่มีรักไหนที่ยิ่งใหญ่เท่ากับรักของพ่อตราบชั่วนิรันดร์        



พ่อผู้ให้กำเนิดเกิดชีวิต
พ่ออุทิศสั่งสอนลูกผูกนิสัย
พ่อชี้นำแนวทางไม่ห่างไกล
พ่อห่วงใยรักลูกทุกเวลา



 โดย นางสาววรินดา คงจันทร์ อายุ  16 ปี 
 โรงเรียนวังไกลกังวล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น