วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

(Francois Marie Arouet) นักประพันธ์และนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส


ฟรานซิส มาเรีย แอเรียต

ฟรานซิส มาเรีย แอเรียต (Francois Marie Arouet) เจ้าของนามปากกา "วอลแตร์" (Voltaire) นักประพันธ์และนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส ผู้มีชื่อสียงโด่งดัง ด้วยผลงานมากมาย เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2237
                    


   วอลแตร์ นักประพันธ์และนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส มีชื่อเต็มว่า ฟรานซิส มาเรีย แอเรียต (Francois Marie Arouet) เกิดเมื่อวันที่ 

21 พฤศจิกายน พ.ศ.2237 ณ เมืองปารีส ด้วยไหวพริบ ความรอบรู้ และสำนวนโวหาร ทำให้เขากลายเป็น นักประพันธ์และนักปราชญ์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส
ฟรานซิสเข้าเรียนที่ “Louis-le-Grand ” วิทยาลัยของ นิกายโรมันแคทอริกในปารีส ซึ่งเขาพบว่า การเรียนของโรงเรียนนี้ ไร้ความหมายสำหรับเขา มีแต่ภาษาโรมันโบราณ และเรื่องน่าเบื่อ ดังนั้นเขาจึงออกจากโรงเรียนด้วยวัย 17 ปี พร้อมกับกลุ่มเพื่อน ที่เป็นชนชั้นสูงชาวคริสเตียน ด้วยบทประพันธ์ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ทำให้ฟรานซิส กลายเป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูงได้ไม่ยาก ในปี พ.ศ.2260 ดาบสองคมจากสติปัญญาอันชาญฉลาด ทำให้เกิดปัญหาระหว่างเขา และผู้มีอำนาจ เนื่องจากงานเขียน ที่พูดเสียดสี เหน็บแนมรัฐบาลของฝรั่งเศส ทำให้ฟรานซิสถูกจำคุกที่ Bastille เป็นเวลา 11 เดือน ระหว่างที่อยู่ในฐานะนักโทษ เขาได้เขียนเรื่อง “Oedipe” ซึ่งกลายเป็นผลงานชิ้นเรก ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ภายใต้นามปากกกาว่า "วอลแตร์"
  

ในปี พ.ศ.2269 วอลแตร์ มีงานเขียนประชดประชันอีกครั้ง โดยครั้งนี้คู่กรณี คือ “Chevalier De Rohan” ขุนนางหนุ่ม จึงทำให้วอลแตร์มีทางเลือกเพียง 2 อย่าง คือ รับโทษจำคุกหรือเนรเทศ วอลแตร์เลือกที่จะเนรเทศตัวเองไปที่อังกฤษ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2269-2272 ระหว่างที่อยู่ในอังกฤษ วอลแตร์เกิดความสนใจในหลักปรัชญาของ “John Locke” รวมทั้งแง่คิด ของนักคณิตศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์อย่างเซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) ต่อมาเขาศึกษาเกี่ยวกับความคิดเห็น ในการปกครองในระบบซึ่งกษัตริย์ มีอำนาจสูงสุดของอังกฤษ และศาสนาของคนอังกฤษ และได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี โดยวอลแตร์สนใจเรื่อง ปรัชญาตามหลักความเชื่อ ในเรื่องเหตุผลของเวลา และสนใจวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวกับการศึกษาธรรมชาติ หลังจากที่กลับไปปารีส เขาเขียนหนังสือสรรเสริญ ประเพณีและขนบธรรมเนียมของอังกฤษ ซึ่งมีงานชิ้นนี้ถูกแปล เพื่อวิจารณ์รัฐบาลฝรั่งเศส และในปี พ.ศ.2277 วอลแตร์ก็ถูกบีบบังคับ ให้ออกไปจากปารีสอีกครั้ง
ด้วยคำเชิญชวนของ “Marquise du Chatelet” เพื่อนหญิงที่มีไหวพริบปฏิภาณสูง วอลแตร์จึงย้ายเข้าไปอยู่ใน Chateau de Cirey ใกล้กับเมือง Luneville ทางทิศตะวันออกของฝรั่งเศส พวกเขาศึกษาวิทยาศาสตร์ ทางธรรมชาติร่วมกัน เป็นเวลาหลายปี ในปี พ.ศ.2289 วอลแตร์ได้รับเลือกให้เข้าไปใน “Academie Francaise” ต่อมาในปี พ.ศ.2292 หลังจากการเสียชีวิตของ Marquise du Chatelet พร้อมกันคำเชิญของ “Frederick the Great” กษัตริย์แห่ง Prussia ให้เขาย้ายไปที่ Potsdam (ใกล้กับเมืองเบอร์ลิน ในประเทศเยอรมัน) เขาจึงย้ายไปอยู่ที่นั่น หลังจากนั้น วอลแตร์ก็ย้ายกลับไปยังฝรั่งเศสบ้านเกิดในปี พ.ศ.2296
          

ในปี พ.ศ.2302 วอแตร์ได้ซื้อที่ดินใน “Ferney” ใกล้ๆ กับพรมแดนฝรั่งเศส - สวิส เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งหลังจากที่วอลแตร์เข้าไปอยู่ในที่แห่งนี้ไม่ช้า Ferney ก็กลายเป็นศูนย์กลาง ของปัญญาชนแห่งยุโรป วอลแตร์ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปี ทั้งเขียนหนังสือ บทประพันธ์ และงานเขียนอื่นๆ เขาเขียนจดหมายจำนวนหลายร้อยฉบับไปให้กับกลุ่มเพื่อน โดยเขามักจะแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล วอลแตร์มักจะวิจารณ์อย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการ ไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างในเรื่องศาสนาและการลงโทษ


ด้วยวัย 83 ปี วอลแตร์ ได้รับการต้อนรับกลับเข้ามาในปารีสฐานะฮีโร่ ความตื่นเต้นของการเดินทาง ทำให้เขาเหนื่อยมากเกินไปและเสียชีวิตในปารีส และด้วยเพราะบทวิจารณ์ที่โจมตีคัมภีร์ไบเบิ้ลและโบสถ์ ซึ่งวอลแตร์เคยอ้างไว้ว่าคัมภีร์ไบเบิ้ล เป็นเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้น และพระเยซูไม่เคยไม่อยู่จริง แต่เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์อุปโลก พระเจ้าขึ้นมาตามจินตนาการ ดังนั้นภายหลังจากการเสียชีวิต วอลแตร์จึงไม่ได้รับการยอมรับ ให้ฝังศพไว้ที่ใต้โบสถ์ สุดท้ายศพของเขาถูกฝังที่วัดใน Champagne ต่อมาในปี พ.ศ.2334 ศพของเขาถูกย้ายไปฝังไว้ที่ Pantheon ในปารีส


ในปี พ.ศ.2357 กลุ่มของ “ultras” (กลุ่มอนุรักษ์นิยมของศาสนาคริสต์) ได้ขโมยศพของวอลแตร์และนำไปทิ้งในกองขยะ ไม่มีผู้ที่เป็นปราชญ์ 50 ปี โลงหินขนาดใหญ่มหึมาของเขาถูกตรวจสอบ และศพก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หัวใจของเขาถูกผ่าออก โดยนำไปไว้ที่ Bibliotheque Nationale ในปารีส สมองของเขาก็ถูกผ่าออกด้วย แต่หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 100 ปี ก็หายไป ภายหลังจากการขายด้วยการประมูล


ผลงานของวอลแตร์มีจำนวนมากถึง 40 - 60 เรื่อง ตัวอย่างเช่นนวนิยายเรื่อง “บุรุษหน้ากากเหล็ก” (The man in the iron mask) ซึ่งเป็นเรื่องราวของบุรุษนักโทษลึกลับใต้หน้ากากเหล็ก ที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวในราชวงศ์สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ด้วยความสงสัยว่าบุรุษผู้นั้นคือใคร และเป็นเรื่องจริงหรือไม่ จนกลายเป็นที่โจษจัน ทำให้นวนิยายเรื่องนี้โด่งดังไปทั่วฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีผลงานหนังสือและบทกวี ที่มีชื่อเสียงอย่าง “Candide”, “Letters on the English”, “Zaire”, “Zadig” และ “Dictionnaire philosophique” เป็นต้น
                









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น